ภัยจากนำตู้หยอดเหรียญ
ภัยจากตู้น้ำหยอดเหรียญ
ที่มาของรูปภาพ
ที่มาที่mujmmm
http://www.jsk2545.com/product_water_vending.html
http://www.jpwaters.com/watercoin.htm
ภาพผู้คนในชุมชนถือขวดน้ำพลาสติกมุ่งหน้าไปที่ตู้น้ำหยอดเหรียญ เพื่อกดน้ำมาดื่ม คงเป็นภาพที่ชินชาของใครหลายๆ คนเมื่อธุรกิจหยอดเหรียญกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะทำอะไรก็กลายเป็นทำกับเครื่องจักรไปซะทั้งหมด แม้กระทั่งตู้น้ำหยอดเหรียญที่มีกันเกลื่อน แค่เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ มีถึงกว่า 20,000 ตู้ กระจายตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะหอพักหรือแหล่งชุมชนที่มีคนอาศัยกันอยู่อย่างชุกชุม
ตู้น้ำหยอดเหรียญ โฆษณาคุณสมบัติไว้ว่า สะอาดกว่าน้ำประปา ราคาถูก ผ่านขั้นตอนการกรองน้ำหลายขั้นตอน ระบบกรอง RO (Reverse Osmosis) ซึ่งน้ำดื่มระบบ RO เป็นระบบกรองน้ำซึ่งจะทำให้น้ำที่ได้มา ค่อนข้างมีความบริสุทธิ์สูง จนแทบจะเรียกว่า ไม่มีสารอะไรตกค้างอยู่เลยนอกจากน้ำเปล่าๆเท่านั้น หรือแทบจะเรียกว่ามีคุณภาพเทียบเท่าน้ำกลั่น บวกกับการผ่าน UV (รังสีอัลตราไวโอเลต - Ultraviolet สามารถใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ โดยเฉพาะในน้ำดื่ม) เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ใครหลายคนเลือกที่จะเดินไปกดน้ำที่ตู้น้ำฯ เพื่อนำมาดื่ม เพราะสะดวกราคาถูกแถมประหยัดดีด้วย
ในวารสาร 'ฉลาดซื้อ' ของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ฉบับที่ 117 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2553 มีการยกประเด็นเรื่อง 'น้ำดื่มจากตู้หยอดเหรียญกับเรื่องที่ต้องระวัง'มานำเสนอไว้ว่าช่วงที่ผ่านมามีการสำรวจจากหลายหน่วยงานพบว่า ตู้น้ำหยอดเหรียญมีความเสี่ยงเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อโรค ที่จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพตามมาได้
ความไม่สะอาดของอุปกรณ์กรองน้ำภาชนะที่เก็บและการเก็บน้ำที่กรองออกมาจากตู้น้ำหยอดเหรียญอย่างไม่ถูกสุขลักษณะนั่นเองที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย และโคลิฟอร์ม แถมด้วยบางตู้น้ำฯ ยังพบสาหร่ายและตะไคร่บริเวณหัวจ่ายน้ำอีกต่างหาก
เห็นรายละเอียดข้างบนแล้วทำให้นักบริโภคที่นิยมดื่มน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญหวาดผวา ที่เคยเข้าใจว่าน้ำดื่มที่คิดว่าสะอาดจริงๆ แล้วสะอาดสมคำโฆษณาหรือไม่ก็ต้องพิจารณาไตร่ตรองกันให้ถี่ถ้วน
เมื่อน้ำดื่มต้องหยอดเหรียญ
ในช่วงปี 2547 รัฐบาลได้มีการสนับสนุนให้ทุกจังหวัดจัดหาตู้น้ำฯ ตามโครงการตู้น้ำหยอดเหรียญเพื่อชุมชน หลังจากนั้นจึงเกิดกระแสหน่วยงานและชุมชน ในเขตพื้นที่เทศบาลและที่ชุมชนที่มีประชาชนอยู่จำนวนมาก สามารถซื้อตู้น้ำฯ ไปติดตั้งเพื่อให้บริการแก่ประชาชนในลักษณะตัวแทนจำหน่ายหรือซื้อเพื่อจำหน่ายโดยตรง
สุรีย์ วงศ์ปิยชน ผู้อำนวยการสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องงการตรวจสอบความสะอาดของตู้น้ำฯ ว่าปี2552 กรมอนามัยได้ทำการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำบริโภคครัวเรือนโดยการ
สุ่มตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มจากตู้น้ำหยอดเหรียญด้วยจำนวน 6 ตัวอย่าง จาก 19 จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งเขตเมืองและชนบท พบว่าไม่ผ่านเกณฑ์ด้านแบคทีเรียจำนวน4ตัวอย่าง
ทั้งนี้อาจเกิดจากการดูแลบำรุงรักษาระบบตู้น้ำหยอดเหรียญ เช่น การไม่ล้างทำความสะอาดเยื่อกรอง เมื่อเยื่อกรองมีสิ่งอุดตันมากๆ ทำให้เยื่อกรองแตก ไม่สามารถกรองสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียได้ หรือเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ตั้งอยู่ใกล้ถนนมีฝุ่นละออง ตลอดทั้งความสะอาดของตู้ ที่มีคราบสกปรก เศษดิน จึงอาจจะก่อให้เกิดการปนเปื้อนทางแบคทีเรียได้
ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุดมีการศึกษากันอีกครั้งโดยสำนักคณะกรรมการอาหารและยา ผ่านการสุ่มตัวอย่างจากพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ 350 ตัวอย่าง พบว่าคุณภาพน้ำผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 264 ตัวอย่าง นอกจากนี้บริเวณหัวจ่ายน้ำของตู้หยอดเหรียญมีตะไคร่น้ำกว่าร้อยละ50ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
หามาตรฐานยาก
ปิยะศักดิ์ พิเชษฐนาวิน หนึ่งในผู้ประกอบการตู้น้ำหยอดเหรียญพูดถึงกระแสข่าวความไม่สะอาดของน้ำดื่มจากตู้น้ำฯ ว่ากังวลใจกับข่าวนี้ในระดับหนึ่ง แต่ในส่วนของผู้บริโภคเองก็ควรมีความระวังในการเลือกตู้น้ำฯ เพราะดูจากตาเปล่าได้ยาก จึงอยากให้สังเกตว่ามีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำหรือไม่จากเอกสารที่ติดข้างตู้ว่ามีการระบุวันที่เปลี่ยนไส้กรองเมื่อไหร่
“สุดท้ายมันก็เหมือนสินค้าบริโภคทั่วๆ ไป ที่เราก็ต้องให้ความดูแลเอาใจใส่พอสมควร เช่น น้ำดื่มบรรจุขวดถ้ามันวางไว้กลางแดด มีตะไคร่น้ำขึ้น ฉลากดูเก่าๆ ก็ไม่ควรไปซื้อมาดื่ม แต่ส่วนตัวแล้วมองว่าถ้าเรามั่นใจว่าเรามีการดูแลที่ดีตรงนี้คิดว่าคงไม่มีผลอะไรกับยอดขาย”
โดยภาพรวม ปิยะศักดิ์มองว่า หากจะหามาตรฐานน้ำดื่มจากตู้น้ำฯ เป็นเรื่องยาก เพราะน้ำดื่มที่ไม่ได้บรรจุขวดมีโอกาสปนเปื้อนได้ตลอดเวลา ทั้งตัวอุปกรณ์ภายในตัวเครื่อง ไปจนถึงภาชนะที่ลูกค้าเอามาใส่น้ำ แม้กระทั่งคุณภาพน้ำดิบ(น้ำประปา)ที่เอามาบำบัดเพราะแต่ละที่คุณภาพน้ำต่างกัน
ค้นคว้าและนำเสนอต่อโดย ด.ญ.ปานตะวัน อุ่นคำ เลขที่ 27 ห้อง 2/1 โรงเรียนเถินวิทยา อ.เถิน จ.ลำปาง
E-mail parn_6@hotmail.co.th