สังคมกับหญ้า
![รูปภาพของ sss27962 รูปภาพของ sss27962](http://202.44.68.33/files/profilepic/picture-54138.jpg)
ภูมิปัญญาไทยด้านที่อยู่อาศัย
บ้าน คือ ที่อยู่อาศัย ซึ่งนับเป็นความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต การสร้างที่อยู่อาศัยของไทย มีรูปแบบที่
หลากหลายตามสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น การสร้างบ้านจะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนในท้องถิ่น
สภาพสังคม เศรษฐกิจ คติความเชื่อของผู้สร้าง แม้ว่าที่อยู่อาศัยของคนไทยทั้ง 4 ภาค จะไม่เหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น ที่อยู่อาศัยของคนภาคกลาง ส่วนใหญ่จะเ็ป็นบ้านยกพื้นสูงใต้ถุนโล่ง มีหน้าต่าง และช่องลม
จำนวนมากเพื่อรับลม คลายความร้อน ส่วนหลังคาเป็นรูปจั่ว เพื่อปกป้องความร้อนจากดวงอาทิตย์ และให้ฝน
ไหลลงสู่พื้นได้รวดเร็วขึ้น และเก็บน้ำฝนไว้ใช้ดื่มกิน
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=normalsaline&month=04-2007&date=30&group=4&gblog=1
หญ้าคานับว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์ในทางเศรษฐกิจมาก เนื่องจากเราสามารถใช้ประโยชน์จากหญ้าคาได้หลายอย่างด้วยกัน
อาทิ นำมาไพเป็นตับทำเป็นที่มุงหลังคา เช่น ใช้มุงหลังคากระท่อม เล้าไก่ เล้าเป็ด คอกเลี้ยงหมู เป็นต้น ในแง่การนำหญ้าคามาไพ
เป็นตับ แล้วนำไปใช้มุงหลังคานั้น ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรง เพราะเคยทำมาแล้วด้วยตนเอง เนื่องจากว่าหมู่บ้านของผู้เขียน
(บ้านสกล ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ) เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านการไพหญ้าคาของจังหวัดสุรินทร์
ดังนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ของที่นี้จึงมีอาชีพไพหญ้าคาขาย ควบคู่กับการทำไร่นา ซึ่งการประกอบอาชีพไพหญ้าคาขายนั้นสามารถ
สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากนัก เนื่องจากปัจจุบัน ชาวบ้านหาหญ้าคาได้ยากขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะถูกไฟเผา
พร้อมๆกับวัชพืชอื่นๆในท้องไร่ท้องนา จะว่าไปแล้ว การไพหญ้าคาของแต่ละท้องที่จะมีลักษณะไม่เหมือนกัน อันเนื่องมาจาก
ความจำกัดทางด้านอุปกรณ์และเครื่องมือ ในทีนี้ใคร่ขอนำเสนอขั้นตอนและวิธีการไพหญ้าคาที่ผู้เขียนเคยทำ รวมทั้งที่ชาวบ้าน
ที่นี้ทำพอสังเขปดังนี้
ในเบื้องต้น ชาวบ้านจะต้องออกเดินทางไปเกี่ยวหญ้าคาตามพื้นที่ป่าต่างๆบริเวณใกล้หมู่บ้าน เนื่องจากหญ้าคาไม่เป็นที่นิยม
ปลูกของชาวบ้านที่นี่ ซึ่งการเก็บเกี่ยวหญ้าคาก็มีลักษณะเช่นเดียวกันกับการเก็บเกี่ยวต้นข้าว ภายหลังจากเก็บเกี่ยวได้แล้วก็นำมา
ตากแดดให้แห้ง แล้วนำมามัดรวมกันเป็นฟ่อนขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป (ประมาณ ๑ หอบ หรือ ๑ อ้อมแขน) ทั้งนี้ เพื่อให้
สามารถนำมาเก็บรวมกันและเคลื่อนย้ายได้สะดวก จากนั้นก็จะนำมัดที่เก็บไว้นั้น โดยเอามาทีละมัด เพื่อนำมาราดน้ำให้ชุ่มทั่วมัด
โดยให้ราดจากปลายใบลงโคนต้น และรอให้หญ้าอ่อนได้ที่พอสมควรแล้วจึงจะนำมาเข้าสู่ขั้นตอนของการไพ ซึ่งในขั้นตอนของการ
ไพหญ้าคานั้น อุปกรณ์ที่จะต้องเตรียมประกอบด้วย
๑. ไม้ขนาดเล็กเรียวยาวขนาดลำต้นตรงประมาณเท่ากับหัวนิ้วมือ มีความยาวประมาณ ๑.๒๐ เมตร หรือมากกว่านั้นก็ได้
๒. เชือกปอ หรือ เชือกฟาง ชาวบ้านบางคนอาจใช้เชือกที่ทำจากเปลือกไม้ที่มีลักษณะแข็งแรงพอสมควร เพื่อเวลาที่ไพ
เชือกจะได้ไม่ขาด
๓. รางไม้สำหรับวางไม้ในข้อที่ ๑ เพื่อให้ได้ขนาดตามความต้องการ และเพื่อให้เวลาที่ไพมีความสมดุลตลอดแนว ทั้งนี้ เพื่อ
ให้ดูออกมามีลักษณะที่ประณีต สวยงาม
เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว ลำดับต่อไปก็เข้าสู่ขั้นตอนของการไพ ซึ่งมีขั้นตอนง่ายๆดังนี้
ขั้นตอนแรก นำหญ้าคาที่ได้ราดน้ำและมีความอ่อนพอประมาณแล้วมาวางลงบนรางไม้ให้เต็มรางไม้
ขั้นตอนที่สอง นำไม้ที่เตรียมไว้ขนาดประมาณเท่าหัวนิ้วแม่มือนั้น มาวางไว้บนรางไม้ทีละหนึ่งอันเท่านั้น เพื่อให้สะดวกและ
ง่ายต่อการไพ
ขั้นตอนที่สาม ก็เริ่มไพหญ้าคา โดยการหยิบหญ้าคาที่ละหยิบมือพับลงบนไม้ที่เตรียมไว้ขนาดประมาณเท่าหัวนิ้วแม่มือนั้น
จากนั้นก็ใช้เชือกที่เตรียมไว้มัดให้แน่นลักษณะคล้ายการเย็บผ้า และให้ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนกระทั้งหมดความยาวของไม้นั้น พอเสร็จ
ก็ให้มัดให้แน่น แล้วนำไปตากแดดให้แห้งอีกครั้ง พอแหงแล้วก็ให้เก็บทับๆกันทีละสิบตับสลับกับไปมา ทั้งนี้เพื่อจะได้สะดวกในเวลา
เคลื่อนย้ายและนับขายต่อไป
ปัจจุบันนั้น ชาวบ้านขายอยู่ที่ราคาตับละ ประมาณ ๗ บาท บางท้องที่ขายประมาณตับละ ๑๕- ๒๐ บาทเลยทีเดียว แม้ราคา
ค่อนข้างจะสูงแต่ก็เป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะหน้าร้อนเช่นนี้ นอกจากหญ้าคาจะช่วยกันแดด กันฝนแล้ว มันยัง
จะช่วยกันความร้อนจากแสงแดดได้ดีและให้ความเย็นสบายได้มากทีเดียว ผู้คนส่วนมากตามชานเมือง และในชนบทจึงนิยมนำ
หญ้าคาไปสร้างเป็นกระท่อมน้อยข้างบ้าน ไว้สำหรับนอนเล่น นั่งเล่นสนทนากันพูดคุยกันในช่วงภาคเที่ยงและภาคบ่าย เพราะช่วง
เวลาดังกล่าวจะมีอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งหญ้าคาก็จะช่วยกำจัดความร้อนได้ค่อนข้างดี