ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต
บทคัดย่อ
รายงานการวิจัยเรื่อง รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้รายงาน นางอิลองก์อร จารุจิต
ปีที่รายงาน 2553
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาผลของการใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตที่มีต่อทักษะชีวิตด้านการตระหนักรู้ในตนเอง การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะชีวิตด้านการตระหนักรู้ในตนเอง การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจและการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการทดลองของกลุ่มที่ใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2553 ที่มีคะแนนแบบประเมินทักษะชีวิตตั้งแต่เปอร์เซ็นไทล์ที่ 25 ลงมา และเป็นผู้สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 25 คน กลุ่มทดลองผู้วิจัยให้นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 18 ครั้งๆ ละ 55 นาที โดยผู้วิจัยเป็นผู้จัดกิจกรรมด้วยตนเอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แบบประเมินทักษะชีวิต (Life Skills Test) หาค่าความเที่ยงโดยวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟา (a-Coefficient) ได้ค่าความเที่ยง 0.89 2) ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต และ 3) เอกสารความรู้เรื่อง “ทักษะชีวิต” ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ t-test (dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
1) กลุ่มทดลองหลังการทดลองมีทักษะชีวิตด้านการตระหนักรู้ในตนเอง การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาโดยส่วนย่อยในแต่ละด้านและโดยรวมสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2) ผู้วิจัยได้ติดตามผลหลังการเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตโดยการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนควบคู่ไปกับการสัมภาษณ์นักเรียนของข้าพเจ้า ครูคนอื่นๆ และผู้ปกครอง สรุปผลได้ดังนี้
2.1) การสังเกตพฤติกรรมควบคู่ไปกับการสัมภาษณ์นักเรียนของผู้วิจัยพบว่า นักเรียนสามารถคิดวิเคราะห์เพื่อเข้าใจความสามารถ ความถนัด จุดเด่น-จุดด้อยของตนเองและพร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนาโดยการมีวินัยในการเรียน มีมุ่งมั่น เพียรพยายาม รับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ส่งงานตรงตามเวลา ตั้งใจเรียน ทำงานหรืออ่านหนังสือเมื่อมีเวลาว่าง ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง สนใจและใฝ่รู้ใฝ่เรียนจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการคิดวางแผนและตัดสินใจเลือกแนวทางการศึกษาและอาชีพของตนเอง นักเรียนสามารถวางเป้าหมายการเรียนและอาชีพได้สอดคล้องกับตนเอง รู้จักคิดทางบวกโดยคิดว่าทุกปัญหามีทางออกและตนเองสามารถทำได้ มีการช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนในการเตรียมตัวหรือวางแผนในการเรียน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน นักเรียนมีสีหน้าเบิกบานแจ่มใส มีความกระตือรือร้น และนักเรียนรู้สึกมีความสุขในการเรียน
2.2) ผลจากการสัมภาษณ์พูดคุยกับครูคนอื่นๆ พบว่า นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ครูมอบหมาย ส่งงานตรงเวลา มีความมุ่งมั่นสนใจและตั้งใจเรียนมากขึ้นเพราะนักเรียนเข้าใจว่าสิ่งที่เรียนสามารถนำไปใช้ในการศึกษาต่อ นักเรียนศึกษาค้นคว้าข้อมูลและปรึกษากับเพื่อนๆ และครูเพื่อเตรียมตัวในการเรียนต่อ เข้าร่วมและกล้าแสดงออกในกิจกรรมต่างๆ นักเรียนมีความเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ร่าเริงแจ่มใส ปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนๆ และส่วนรวมจนเป็นที่ยอมรับของเพื่อนและครู
2.3) ผลจากการสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้ปกครอง ผู้ปกครองบอกว่าเมื่อก่อนนักเรียนเครียดและวิตกกังลเกี่ยวกับอนาคต ไม่รู้จะเรียนอะไร ไม่มั่นใจตัวเอง คิดว่าตัวเองทำไม่ได้จึงไม่เอาหลายๆ อย่าง รู้สึกเบื่อและอยากอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้เด็กรู้จักคิดว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร มีความคิดของตัวเองรู้ว่าอยากเรียนอะไรและคิดว่าตนเองทำได้และอยากพยายามทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รู้จักคิดในแง่ดีว่าการที่มีคนมาเลือกเรียนคณะเดียวกับเราเยอะเป็นแรงผลักดันให้ต้องขยันมากขึ้น ต้องอดทนอ่านหนังสือให้มากขึ้น ไม่กลัวคนอื่นมาแย่งเรียน หลังรับประทานอาหารเย็นลูกจะไปอ่านหนังสือ ทำการบ้านเองโดยผู้ปกครองไม่ต้องบอก รู้จักวางแผนในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ไม่เล่นเกม ไม่ดูละคร และไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ช่วยเหลือทำงานบ้านมากขึ้น ลูกไม่หงุดหงิด ไม่เครียด มีเหตุผล ไม่ก้าวร้าว ตั้งใจเรียนเพื่อให้ได้เกรดดีๆ มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นทำให้ผู้ปกครองรู้สึกสบายใจและมีความสุขมากขึ้น