1 ปีในประเทศจีน

1 ปีในประเทศจีน 
          สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และมีประชากรมากที่สุดในโลกที่จำนวนกว่า 1.3 พันล้านคน หรือประมาณหนึ่งในห้าของประชากรโลก โดยประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮั่น และมีขนาดเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียงรัสเซียและ แคนาดา
         สาธารณรัฐประชาชนจีนมีพรมแดนติดกับ 15 ประเทศ (นับเวียนตามเข็มนาฬิกา) คือ เวียดนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฏาน สิกขิม เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และ เกาหลีเหนือ
        ตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐเมื่อปี พ.ศ. 2492 ประเทศจีนอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สาธารณรัฐประชาชนจีนอ้างอธิปไตยเหนือเกาะไต้หวัน เผิงหู เอ้หมึง (จีนกลาง: จินเหมิน) และหมาจู่แต่ไม่ได้ปกครอง โดยที่เกาะเหล่านี้ปกครองโดยสาธารณรัฐจีน ซึ่งมีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงไทเป (จีนกลาง: ไถเป่ย) ฐานะทางการเมืองของสาธารณรัฐจีนนั้น ยังเป็นที่โต้แย้งกันอยู่
       คำว่า จีนแผ่นดินใหญ่ ใช้เรียกส่วนของจีน ที่อยู่ภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน (ส่วนใหญ่จะยกเว้นเขตบริหารพิเศษ 2 แห่ง คือ ฮ่องกง และมาเก๊า) บางคนนิยมเรียกสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า จีนแดง (Red China) โดยเฉพาะผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับจีน ปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีนและ ประเทศญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย มีเศรษฐกิจและกำลังทางทหารใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

 
เมืองหลวง : ปักกิ่ง (北京 - เป่ยจิง)   39°55′N 116°23′E / 39.917, 116.383 
เมืองใหญ่สุด :  เซี่ยงไฮ้ (上海 - ซั่งไห่) 
ภาษาราชการ : ภาษาจีนกลาง
รัฐบาล : สาธารณรัฐนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ 
 -  ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา (胡锦涛) 
 -  นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า (温家宝) 
 -  ประธานกรรมการคณะกรรมการกิจการประจำสมัชชาใหญ่ตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ อู๋ ปางกั๋ว (吴邦国) 
 -  ประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมือง
เนื้อที่ 
 -  ทั้งหมด 9,596,960 กม.² (ลำดับที่ 3) 
 -  พื้นน้ำ  2.8%
ประชากร 
 -  2551 ประมาณ 1,330,044,605 (อันดับที่ 1) 
 -  2548 สำรวจ 1,315,844,000  
 -  ความหนาแน่น 137/กม.² (อันดับที่ 71)
GDP (PPP) 2550 ประมาณ 
 -  รวม 5.33 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 7) 
 -  ต่อประชากร 8,788 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 82)
HDI (2550) 0.777 (กลาง) (อันดับที่ 81)
สกุลเงิน หยวนเหรินหมินปี้ (RMB¥)  (CNY)
เขตเวลา (UTC+8) 
 -  ฤดูร้อน (DST)  (UTC+8)
รหัสอินเทอร์เน็ต .cn
รหัสโทรศัพท์ +86
ภาพถ่ายโดยน.ส.วริษฐา    ผากชมภู   ม.6/8  เลขที่ 19
          ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ดิฉันชื่อน.ส.วริษฐา ผากชมภู นักเรียนชั้นม.6/8 ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนมาเมื่อ
   ปีที่แล้วเป็นเวลา 10 เดือน ในโครงการ AFS เป็นโครงการจีนพิเศษอยู่หอ จะได้กลับบ้านไปอยู่กับโฮสแฟมิลี่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ
  โดยโครงการนี้มีันักเรียนไทยร่วมโครงการ 30 คนไปใช้ชีวิตร่วมกันในโรงเรียนnantai gaozhong โดยเมืองที่ได้ไปคือเมือง Anshan
  อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน โดยครอบครัวอุปถัมภ์ที่ได้ไปอยู่นี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน คือ พ่อ แม่ พี่ชาย
  และน้องสาว โดยน้องสาวจะเรียนอยู่ชั้นม.4ที่โรงเรียนเดียวกัน ส่วนพี่ชายไม่ได้อยู่บ้าน ไปทำงานอยู่เมืองอื่น จะกลับมาก็เมื่อตอน
  วันตรุษจีน ดิฉันรู้สึกดีกับครอบครัวนี้มาก แม้จะไม่ได้มีฐานะที่ร่ำรวย หรือมีเวลาพาไปเที่ยว แต่ก็คอยดูแลอย่างดี คอยทำอาหารให้ทาน
  คอยดูแล หายาเมื่อตอนป่วย คอยชวนเราพูดคุย สอนเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างๆ พาไปเดินเล่น ก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่น่ารักครอบครัว
  หนึ่งเลยค่ะ
          ในตอนแรกที่ไปถึงก็ยังไม่ได้รู้สึกคิดถึงบ้านมาก เพราะก่อนจะไปก็รู้สึกเบื่อกับการที่ต้องเรียนหนังสือหนัก และอยากที่จะ
  ลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศดูสักครั้ง ยิ่งได้เจอกับสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ วัฒนธรรมใหม่ วิถีชีวิตใหม่ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากจนไม่มี
  เวลาจะมาคิดถึงครอบครัวเลยค่ะ จนผ่านไปได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ เริ่มรู้สึกคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงเพื่อน คิดว่าอยู่ที่นี่ไม่มี
  ใครที่เข้าใจเรา ไม่มีใครที่จะมาตามใจเราได้ตลอด โดยเฉพาะในตอนแรกจะมีการฝึกระเบียบวินัยที่โรงเรียนโดยให้ทหารจริงๆมาสอน
  แต่ว่าโชคดีค่ะที่ทางโรงเรียนไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากกับพวกเรา ทำให้ไม่เหนื่อยมาก และสนุกที่ได้ฝึก แต่สำหรับนักเรียนจีน
  พวกเขาฝึกกันหนักมากเลยนะคะ อยู่กลางแดดทั้งวัน ฝึกเดิน แล้วต้องเดินให้ตรงด้วย ถูกทำโทษต่างๆนานา ครูโทษยังได้พูดไว้เลย
  ว่าพวกเขาน่ะลำบาก แต่ก็ต้องฝึกเพราะเป็นการพัฒนาตนเอง
          คนจีนที่นี่เฟรนด์ลี่มากเลยค่ะ ตอนที่ไปถึงวันแรกเข้าไปในโรงเรียนพวกเค้าก็มาดูกันใหญ่เลย เหมือนพวกเราเป็นของแปลก
  ยังไงอย่างงั้น เวลาเดินผ่านก็จะยิ้มให้ ไม่ก็ทักทาย ถึงพวกเขาจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่ก็พยายามพูดกับเรา คอยช่วยเหลือ
  ทำให้ประทับใจมากเลยค่ะ
          ส่วนเรื่องวัฒนธรรมของจีนนะคะ คนไทยส่วนมากจะคิดว่าวัฒนธรรมไทยกับจีนนั้นเหมือนกัน แต่ว่าจริงๆแล้ว ส่วนที่เหมือนกัน
  นั้นมันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมของจีนและไทยยังมีอีกเยอะมากที่คนไทยไม่รู้ เช่น การรับประทาน
  อาหารของคนจีน คนจีนทางเหนือจะเน้นกินจืดและหวาน ทำให้เพื่อนคนไทยบางคนที่ไปถึงตอนแรกๆถึงกับเลือกที่จะไม่ทานข้าว
  แต่ซื้อขนมปังทานแทนเลยนะคะ แต่ตอนหลังทุกคนก็สามารถปรับตัวได้ จนกลายเป็นข้าวที่สั่งมากินไม่พอซะด้วยซ้ำ คนจีนนิยม
  กินมันฝรั่ง เนื้อวัว ผักดอง หมั่นโถว เป็นต้นค่ะ  ที่จีนจะมีบะหมี่ชนิดหนึ่งที่ไม่เหมือนไทย เส้นจะใหญ่กว่า เด้งกว่า สามารถสั่งเครื่อง
  ได้ตามราคาที่สั่งไป เรียกว่า "หมี่เสี้ยน" ค่ะ
          เรื่องการเรียน เนื่องจากโครงการทีไปนี้เป็นโครงการจีนพิเศษรุ่นที่ 1 ทำให้ยังมีปัญหาในการเรียนอยู่บ้าง
  โดยในครึ่งวันเช้า จะต้องเข้าห้องเรียนเฉพาะนักเรียนไทย ส่วนครึ่งวันหลังจะต้องไปที่ห้องเด็กจีนโดยแต่ละห้องจะมีเด็กไทย
  ประมาณ 3-4 คน การเรียนของเด็กจีนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทุกคนจะเงียบและนั่งฟังครูพูด น้อยมากที่จะพูดกันเอง เพราะหากว่า
  พูดกันเองแล้วอาจถูกครูเรียกไปพบได้ และเนื่องจากโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มีกฏระเบียบที่เคร่งครัดที่สุดในเขต ทำให้การ
  ลงโทษนักเรียนรุนแรงบางครั้งแค่การพูดในห้องเรียน ก็อาจถูกทำให้ไล่ออกได้ และนักเรียนที่มีห้ามพกมือถือเข้ามาในโรงเรียน
  แต่ก็มีคนที่ฝ่าฝืนเอาเข้ามานะคะ ซึ่งใครที่รู้จักกับพวกเรา ก็จะให้พวกเราช่วยชาร์จแบตให้นั่นล่ะค่ะ โดยนักเรียนที่นี่สามารถกลับ
  บ้านได้เดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3 วันค่ะ
          ตารางเรียนของเด็กที่นี่นั้นจะต้องตื่นนอนตอนตี 5.50 เพื่อออกไปวิ่งประมาณ 2 สนาม หากเป็นหน้าหนาวก็จะเพิ่มเป็น
  3 รอบสนาม เริ่มเรียนตอนแปดโมง พักประมาณเที่ยงและจะมีเวลาให้นอนพักกลางวันประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งพวกเราก็ไม่ค่อย
  จะได้นอนกันหรอกค่ะ ส่วนมากจะนั่งคุยกัน นั่งดูหนัง ทำความสะอาด ซักผ้า เป็นต้นค่ะ หลังจากนั้นก็เรียนจนถึงห้าโมงเย็น
  แล้วพักทานอาหารเย็น และสองคาบสุดท้ายเป็นการเรียนด้วยตนเองจนถึงสามทุ่ม ซึ่งการเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น  ทั้งห้องจะเงียบมาก
  นักเรียนจะตั้งใจอ่านหนังสือของตนเองทั้งๆที่ไม่มีครูคุม ต่างกับนักเรียนไทยโดยสิ้นเชิงเลยค่ะที่จีนนี้ครูจะเป็นใหญ่มาก นักเรียนจะ
  ต้องเชื่อฟังอาจารย์ และที่โรงเรียนนี้ไม่มีคนทำความสะอาดค่ะ จะให้นักเรียนแต่ละห้องห้องละหนึ่งอาทิตย์เป็นกรรมการนักเรียน
  ทำตั้งแต่ขุดดิน ถูพื้น ล้างห้องน้ำ ตรวจระเบียบ เฝ้าประตูโรงเรียน เรียกได้ว่าต้องทำทุกอย่างเลยล่ะค่ะ แต่พวกเขาก็ชอบนะคะ
  เพราะว่าทำให้ไม่ต้องเรียนไปหนึ่งอาทิตย์ และผู้อำนวยการที่นี่น่ารักมากเลยค่ะไม่ว่าจะมีตำแหน่งอะไร พวกเขาก็สามารถที่จะลงมา
  ขุดดินทำงานร่วมกันคนอื่นๆได้
          มาถึงเรื่องห้องน้ำค่ะ จากที่ทุกคนได้ฟังมาว่าห้องน้ำที่จีนเป็นอย่างไร มันก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่า
  ทุกๆที่จะเป็นแบบนั้น จะมีเฉพาะตามชนบทเท่านั้นแหละค่ะที่จะเป็นแบบนั้น เพราะเดี๋ยวนี้ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมากแล้วจากเดิม
          ในเทศกาลวันปีใหม่ของคนจีนก็มีการจัดงานเหมือนกันนะคะ โดยแต่ละห้องจะมีการตกแต่งห้องให้สวยงาม  ร่วมกันทำ
  เกี๊ยว มีการแสดงของนักเรียนแต่ละกลุ่มในห้อง ในวันนี้ทุกคนจะสนุกกันมากเลยค่ะ มีการร้องเพลง เต้น และในตอนกลางคืน
  จะมีการจุดพลุ และให้นักเรียนม.6 ได้ไปปล่อยโคม ซึ่งเขาว่ากันว่า หากโคมของใครลอยไปได้สูงและไกล ก็จะสามารถสอบติด
  มหาวิทยาลัยที่อยากเข้าได้ วันนั้นดิฉันก็ได้เข้าร่วมปล่อยโคมด้วย ซึ่งอากาศวันนั้นหนาวมากๆเลยค่ะ ทั้งหิมะ ทั้งตอนกลางคืน  
  ทำให้หนาวจนทรมานเลย ดีที่มีเพื่อนคนจีนมาช่วนกันปล่อยโคม ทำให้ถึงแม้จะหนาวแค่ไหน แต่ก็รู้สึกดีใจมากเลยค่ะทีได้ลอยโคม
ภาพถ่ายโดยน.ส.วริษฐา    ผากชมภู   ม.6/8  เลขที่ 19
ภาพถ่ายโดยน.ส.วริษฐา    ผากชมภู   ม.6/8  เลขที่ 19
ภาพถ่ายโดยน.ส.วริษฐา    ผากชมภู   ม.6/8  เลขที่ 19
ภาพโดยน.ส.วริษฐา    ผากชมภู     ม.6/8  เลขที่ 19
           มากันถึงวันปีใหม่ของจีนก็คือวันตรุษจีนค่ะ วันตรุษจีนจะเป็นวันหยุดยาว ผู้คนที่ทำงานอยู่ต่างเมืองจะกลับบ้านมาอยู่กับ
  ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ถือว่าเป็นวันครอบครัวก็ว่าได้ค่ะ จะมีการทำเกี๊ยวร่วมกัน โดยจะใส่เหรียญไว้ในเกี๊ยว หากใครทาน
  แล้วเจอเหรียญ ก็จะโชคดีไปทั้งปี มีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เช็ดหมดไม่ว่ากระจก เพดาน ประตู โดยคนจีนจะเป็นคนที่ 
  ทำความสะอาดได้สะอาดมากค่ะ ทำทุกซอกทุกมุมเลย
                   แหล่งอ้างอิงจาก http://youtu.be/iOXWSMlSq98
          จากประสบการณ์การมาจีนนี้นะคะ แม้ว่าจะไม่ได้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้ แต่ก้ได้ประสบการณ์แปลกใหม่มากมาย
  ได้ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ รู้จักช่วยตนเอง ใช้ชีวิตด้วยตนเอง จากที่ไม่เคยต้องทำความสะอาดบ้าน ก็ต้องทำ ได้เจอสังคมรูปแบบใหม่
  ทั้งจากเพื่อนคนจีน และจากเพื่อนคนไทย รู้จักปรับตัวมากขึ้น เพราะต่างคนก็ต่างที่มา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้ากันได้เสมอไป
  บางครั้งก็อาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ในเมื่อเรามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็ต้องปรับตัวให้อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขค่ะ
  และเวลาทำอะไรจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนทำเสมอ เพราะว่าพวกเรานั้นอยู่หอ สะดวกต่อการทำสิ่งต่างๆ เพราะพวกเรามีอิสระ
  มาก ไม่มีคนคอยมาควบคุม มีเพียงคุณครูคุมหอ ที่คอยไล่ให้พวกเราไปนอนในเวลาที่ได้ตั้งเอาไว้ค่ะ หากมีโอกาสเลือกอีกว่าจะ
  ไปจีนหรือไม่ ดิฉันก็ยังคงตัดสินใจไปค่ะ เพราะดิฉันคิดว่า ประโยชน์จากการไปในครั้งนี้ สำหรับดิฉันแล้วมันคุ้มค่ามากค่ะ และอยาก
  จะแนะนำคนที่มีโอกาสจะได้ไปนะคะ ให้ไปเลยค่ะ เพราะหากคุณมีความคิดที่จะเปลี่ยนไป หาสิ่งใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆให้ตนเอง
  แล้ว ก็ไปเปิดหูเปิดตา เปิดโลก เพื่อให้ตนเองได้มีความคิดที่โตขึ้น และคิดได้หลายแง่มุมมากขึ้นค่ะ ดิฉันคิดว่าบทความนี้จะเป็น
  ประโยชน์กับหลายๆคนที่คิดอยากจะไปแลกเปลี่ยนในต่างประเทศนะคะ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตอนนี้ ขอบคุณมากค่ะ
ภาพถ่ายโดยน.ส.วริษฐา   ผากชมภู    ม.6/8  เลขที่ 19

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 397 คน กำลังออนไลน์