ต้นมะยม [Star Gooseberry] : แหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย
มะยมในฐานะผักและอาหาร
คนไทยใช้ยอดอ่อนและใบอ่อนของมะยมเป็นผัก เช่น ผักจิ้ม หรือที่นิยมมากคือเป็นเหมือดกินกับขนมจีน หากสังเกตการจัดวางเส้นขนมจีนในชนบทภาคกลาง จะเห็นใบมะยมวางรองเส้นขนมจีนเป็นชั้นๆ นอกจากนี้ยังใช้ทำลาบและยำบางตำรับอีกด้วย ผลดิบของมะยมใช้ทำส้มตำได้ เรียกว่าตำมะยม ดูเหมือนคนไทยจะรู้จักมะยมในฐานะผลไม้มากกว่าผัก เพราะผลมะยมนำมากินได้หลากหลายรูปแบบ แม้แต่นำมาจิ้มเกลือกินเล่นก็ได้รสชาติจัดจ้าน ทำให้หูตาสว่างหายง่วงได้ดี หากไม่ชอบเปรี้ยวจัดก็ใช้ผลมะยมสุกที่นำผลดิบมาตากแดดให้เหี่ยวและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนแล้วกินแทน ผลมะยมดองก็เป็นของว่างยอดนิยมอย่างหนึ่งในบรรดาผลไม้เมืองไทย ดังจะเห็นปรากฏอยู่ตามรถเข็นทั่วไปในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสเปรี้ยว ก็อาจเลือกทำแยมหรือเชื่อม เป็นการถนอมอาหารอย่างง่ายที่ทำได้ทุกครัวเรือน และขายเป็นรายได้เสริมของครอบครัวและชุมชนก็ดี สำหรับผู้ชอบดื่มน้ำผลไม้ น้ำมะยมที่เตรียมจากผลมะยมดิบ นับว่าเป็นน้ำผลไม้ที่มีรสชาติดีเป็นที่นิยมในระดับแนวหน้าเลยทีเดียว
ที่มา http://youtu.be/ZR6JJs_Hn30
จากน้ำผลไม้พัฒนาไปสู่กระบวนการหมัก เพื่อให้ได้เครื่องดื่มประเภทไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ระดับต่ำ ไวน์มะยมก็เป็นไวน์จากผลไม้พื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงมานานในเมืองไทย เพราะหาวัตถุดิบได้ง่าย รสชาติดี สีสวย และคุณค่าทางด้านสุขภาพคงไม่ด้อยกว่าไวน์นำเข้าราคาแพงจากต่างประเทศแต่อย่างใด น่าเสียดายที่การพัฒนาไวน์น้ำผลไม้ของไทยถูกจำกัดด้วยกฎหมายผูกขาด และริดรอนสิทธิของประชาชนในการผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทั้งประเภทไม่กลั่น(เช่น ไวน์ สาโทกระแช่ อุ ฯลฯ) และประเภทกลั่น (เหล้าพื้นบ้านจากข้าว ข้าวโพด ฯลฯ) ทำให้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาในแต่ละท้องถิ่นหยุดชะงัก ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั้งประเทศพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา หรือสังคมนิยม ต่างก็ไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิประชาชนดังกล่าว ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง มีแนวโน้มว่าการจำกัดสิทธิประชาชนด้านต่างๆจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขในไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้นมะยมอาจจะกลายเป็นเครื่องดื่มส่งออกไปทั่วโลกก็ได้
การปรุงอาหาร ชาวไทยภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานรู้จักรับประทานมะยมเป็นผัก ชาวภาคกลางใช้ยอดอ่อนเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก ส้มตำ และนำมาชุบแป้งทอด รับประทานร่วมกับขนมจีนน้ำยา นอกจากนี้ยอดอ่อนยังนำมาแกงเลียง และผลแก่นำมาแกงคั่วได้ ชาวเหนือใช้ยอดมะยมเป็นผักแกล้มรับประทานกับลาบ ส่วนชาวอีสาน นำยอดอ่อน ใบอ่อน รับประทานกับส้มตำ ลาบ ก้อย ป่น และหมูสับ (แหนมสด) และนำผลแก่ไปปรุงเป็นส้มตำ (แทนมะละกอ)
สำหรับผลมะยมแก่ นอกจากทำแกงได้แล้ว ผลมะยมแก่ยังเป็นผลไม้ โดยรับประทานสดเป็นผลไม้ จิ้มกับเกลือ น้ำปลาหวาน และสามารถปรุงเป็นน้ำมะยม แยมมะยม มะยมดอง มะยมกวนได้อีกด้วย
http://www.vtnamnueng1997.com/images/menu/12.jpg
http://www.bloggang.com/data/lalitamom/picture/1260104460.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1304779065.jpg
รูปสวย แบนเนอร์ สวย เว่อ :)
http://thaigoodview.com/node/105885
ได้ความรู้มากายเลย แถมมะยมน่ากินสะด้วย :)
ชอบแบนเนอร์มากๆ
และมะยมน่ากินสุดๆไปเลยจ็า!!!
ชอบแบนเนอร์มากๆ
และมะยมน่ากินสุดๆไปเลยจ็า!!!
โรงเรียนเรามีต้นมะยมด้วยหรอ ............ ว้าว พึ่งรู้นะเนี่ย
มะยมน่ากินมากมากเลย เห็นแล้วเปรี้ยวปากนะเนี่ย
ภาพสวยมากมากเลยจ้า
ต้นมะยมภายในโรงเรียน ให้ความรู้ได้มากๆ ^^
เฮ้ย
เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าโรงเรียน ศ.ท. ของเราก็มีต้นมะยมด้วย
เดี่ยววันหลังจะไปแอบสอยมาจิ้มพริกเกลือ
รูปภาพสวยมาก มีเนื้อหาที่ครบ และนำไปใช้ประโยชน์ได้
แถมมีคลิปวีดีโอประกอบด้วย
ตรวจครั้งที่ 2 มีการปรับปรุงเพิ่มเติม
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
รูปภาพน่ากินมากเลย!!! โดยเฉพาะมะยมเชื่อม :) สู้ๆ
ธรรมดาป้า ของมันน่าอร่อย ฮ่าๆๆๆๆ ของป้าก็สวยนะ
เดี๋ยวไปกินด้วยกัน
ผ่านมา 12 วัน ไม่แก้ไขอะไรเลยนะจ้ะ
1. น่าจะทำเป็นป้ายแบนเนอร์ชื่อเรื่อง
2. รูปภาพที่ถ่ายมาน่าจะมีการตกแต่งให้ดูดี
3. ควรบอกสถานที่อยู่ของแหล่งเรียนรู้ และจำนวนแหล่งเรียนรู้ที่นำเสนอว่ามีกี่แห่ง
4. ควรมีข้อคิดเห็นจากสมาชิกของชาวสตรีศรีสุริโยทัย
5. ใช้ Google Map บอกที่ตั้งของแหล่งเรียนรู้
6. ควรสรุปเนื้อหาทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ ความยาวประมาณ 5 บรรทัด
7. ควรบูรณาการเข้ากับสาระวิชาทั้ง 8 กลุ่มสาระวิชาที่กำลังเรียนอยู่ให้ได้
8. ใช้คำสั่ง <!--pagebreak--> เพื่อแบ่งหน้าให้เหมาะสมด้วย
จึงขอมอบนกแก้วไปเลี้ยงก่อนนะ
แหล่งที่มาของภาพ http://img.kapook.com/image/pet/indian-parrot.jpg
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน