แปลมัทรี
สา มทฺที ส่วนสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี เมื่อได้สดับคำพระราชสามี บริภาษณานาง ที่ความโศกก็เสื่อมสร่างสงบจิตเพราะเจ็บใจ จึ่งก้มพระเศียรลงกราบไหว้แล้ววันทนาพลาง นางจึ่งทูลสนองพระราชบัญชาว่า พระพุทธเจ้าข้า ควรมิควรสุดแท้แต่จะทรงพระกรุณาโปรดที่โทษานุโทษเป็นล้นเกล้า ด้วยข้าพระพุทธเจ้ากลับมาเวลาค่ำทั้งนี้เพราะเป็นกระลีขึ้นในไพรวัน พฤกษาทุกสิ่งสารพันก็แปรปรวนทุกประการ ทั้งพื้นป่าพระหิมพานต์ก็ผัดผันหวั่นไหวอยู่วิงเวียนเปลี่ยนเป็นพยับมืดไม่เห็นหน ข้าพระบาทนี่ร้อนรนไม่หยุดหย่อนแต่สักอย่าง แต่เดินมาก็บังเกิดประหลาดลางขึ้นในกลางพนาลีพบพญาราชสีห์สองเสือที้งสามสัตว์สกัดหน้าไม่มาได้ ต่อสิ้นแสงอโณทัยจึ่งได้คลาเคลื่อนใช่จะเป็นเหมือนพระองค์ดำรินั้นก็หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ตั้งแต่เกล้ากระหม่อมฉันตกมาเป็นข้าน้อย พระองค์เห็นพิรุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อนจึงเคืองค่อนด้วยคำหยาบยอกใจเจ็บจิตเหลือกำลัง พระคุณเอ่ยจะคิดดูมั่งเป็นไรเล่าว่ามัทรีนี้เป็นข้าเก่าแต่ก่อนมาดั่งเงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน นอกกว่านั้นที่แน่นอนคือนางไหนอันสนิทชิดใช้แต่ก่อนกาล ยังติดตามพระราชสมภารมาบ้างละหรือ ได้แต่มัทรีที่แสนดื้อผู้เดียวดอก ไม่รู้จักปลิ้นปลอกพลิกไพล่เอาตัวหนี มัทรีสัตยาสวามิภักดิ์รักผัวเพียงบิดาก็ว่าได้ ถึงจะยากเข็ญใจก็ตามกรรม
แปล
ส่วนพระนางมัทรีเมื่อได้ฟังพระเวสสันดรพูดกล่าวโทษนางก็รู้สึกเสียใจจึงก้มกราบพร้อมกับบอกสาเหตุที่นางกลับมาค่ำเพราะว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นในป่า พืชพรรณต่างๆในป่าก็เกิดแปรปรวนพระนางก็ร้อนรนรีบกับมาแต่พอเดินกับมาก็พบเสือโคร่ง เสือเหลืองและพญาราชสีห์นอนขวางทางอยู่ทำให้ไม่สามารถเดินผ่านมาได้ จนค่ำจึงได้หลบไป พร้อมกับตัดพ้อว่าตั้งแต่ที่ข้านั้นมาอยู่กับพระองค์นั้นพระองค์ทรงเห็นว่าข้ามีพิรุธตรงไหนจึงได้มาพูดให้ข้าเจ็บใจ ทำไมไม่คิดบ้างว่ามีนางสนิทคนไหนที่ติดตามท่านมานอกจากข้าที่รักท่านมากกว่าบิดาด้วยซ้ำไป
นาย ศุภศิษฎ์ วัฒนวิเชียร เลขที่ 17
- ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น