ดอกไม้เมืองหนาวมีมากมายหลายชนิด ในที่นี้จะยกตัวอย่างคราวๆนะค่ะ  

ดอกเเรกเลยค่ะ สวยมากๆเลย ^^

ที่มา  http://lh4.ggpht.com/_-pvxjoqrxOA/SWTbvY9a_fI/AAAAAAAACGo/plvU8DQapKM/s576/IMG_7549.JPG

ดอก รักเร่
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dahlia hybrid
วงศ์ : COMPOSITAE
ชื่อสามัญ : Garden Dahlia
ลักษณะทั่วไป
ดอกรักเร่ เป็นไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน สูง 40-100 เซนติเมตร ใบเดี่ยวหรือใบประกอบ ใบย่อยสามใบ ออกตรงข้าม ปลายแหลม ขอบจักดอก มีหลายพันธุ์ เช่น ชมพู่ ส้ม ฯลฯ อาจมีลายหรือมีสองสีในดอกเดียวกัน ออกเดี่ยวที่ปลายยอด ริ้วประดับมี 2-3 ชั้น ดอกวงนอกรูป รางน้ำ ชั้นเดียวหรือหลายชั้น ดอกวงในเป็นหลอดปลายจัก 5 แฉกผลแบนนิเวศวิทยา - ถิ่นกำเหนิด เม็กซิโกออกดอก - ตลอดปีขยายพันธุ์ - เมล็ด หัวใต้ดินประโยชน์ - หัวใต้ดิน ต้มกับหมูรับประทานแก้โรคหัวใจ แก้ไข้ต้น น้ำคั้นจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ ฆ่าเชื้อ Staphylococcusใบ บางทีมีพิษ ดอกรักเร่จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีรักเร่ เป็นดอกไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก โคลัมเบีย และทั่วไปในทวีปอเมริกากลาง ดอกมีรูปทรงและสีสันสวยงาม ก้านดอกแข็งแรง นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอกเช่นเดียวกับกุหลาบ แต่ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะชื่อไม่เป็นมงคลนั่นเอง ในอเมริกามีคดีฆาตกรรมชื่อดังที่ยังเป็นปริศนามาถึงทุกวันนี้ชื่อว่า Black Dahlia

ที่มา http://afmgroup.com/afmgroup/catalog/picture/ANT015-01-001.jpg

ดอก ลิ้นมังกร
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Antirrhinum majus linn.
วงศ์ : SCROPHULARRIACEAE
ชื่อสามัญ : Snapdragon
ชื่ออื่น ๆ : Antirrhinum , ปากมังกร
ข้อมูลทั่วไป
ลิ้นมังกรต้นสูง 15-80 ซม. ลำต้นตั้งตรง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามรูปใบหอก แคบ ปลาย และโคนเรียวแหลม ดอกมีหลายสี เช่น สีเหลือง แดง ม่วง ชมพู และขาว ดอกมี 2 ประเภท คือ ประเภทแรกมีลักษณะ snapping คือ ถ้าบีบด้านข้างดอกกลีบบนและกลีบล่างจะแยกจากกัน ซึ่งเรียกดอกชนิดนี้ว่า ดอกมาตรฐาน อีกประเภทหนึ่งกลีบดอกจะแบกว้าง และเห็นคอดอกชัดเจน ดอกใหญ่และบานนาน แต่ไม่มีลักษณะ snapping ซึ่งเรียกดอกแบบนี้ว่า ดอกแบบอเซเลีย (Azalea flowered)

ที่มา http://www.212cafe.com/freewebboard/user_board/mccgang/picture/00090_3.jpg

ดอกบ๊วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า : Prunus mume 
สกุล : Rosaceae
ลักษณะทั่วไป
บ๊วยเป็นไม้ผลเมืองหนาวที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศจีน มีปลูกในประเทศไทยนานแล้ว โดยแพร่เข้ามาทางภาคเหนือ บ๊วยเป็นพืชที่จัดอยู่ในสกุลเดียวกับท้อ พลับ หรือลูกพรุน ลักษณะผลกลมเมื่อยังเล็กมีสีเขียว แต่มีผลแก่เต็มที่จะมีสีเหลืองมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร รสขมอมเปรี้ยวและมีกลิ่นหอม ในญี่ปุ่นและไต้หวันผลจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ในเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ในไทยผลบ๊วยจะแก่เก็บเกี่ยวได้ประมาณเมษายน

ที่มา http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/441/49441/images/_MG_3603DS.jpg

ดอก เทียนนกแก้ว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Impatiens psittacina Hk. f.
วงศ์ : BALSAMINACEAE
ชื่ออังกฤษ : Parrot Flower
ลักษณะทั่วไป
ดอกเทียนนกแก้ว ดอกไม้แปลกตาเป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นของไทย หาไม่ได้จากที่ใดๆ ในโลก  จัดอยู่ในกลุ่มของต้นเทียน  มีรูปทรงดอกที่สวยงามเหมือนดั่งนกที่โดนแมวกัดไปครึ่งตัว เราเรียกชื่อตามลักษณะรูปทรงว่า เทียนนกแก้ว จัดอยู่ในกลุ่มพืชล้มลุก ลำต้นอวบน้ำ สูง 0.5-1.5 เมตร ใบเดี่ยวรูปไข่กว้าง โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจัก ขนาดกว้าง 2-4 ซม. ยาว 5-10 ซม.  ลักษณะดอกเหมือนดังที่เห็นในภาพ  ออกเดี่ยวตามก้านใบ หรือปลายยอด ขนาดดอกกว้าง 2-3 ซม. ยาวประมาณ 5-7 ซม. ช่วงเวลาออกดอก  ต.ค. - พ.ย.  ประโยชน์คือ สวย ชมแล้วชื่นใจ

ที่มา http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2008/10/J7160138/J7160138-2.jpg

ดอก บีโกเนีย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Begonia spp.
วงศ์ : Begoniaceae
ชื่อสามัญ : Begonia
ชื่อท้องถิ่น : ส้มกุ้ง , ก้ามกุ้ง, สมมติ
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น : มีเหง้าออยู่ใต้พี้นดิน ลำต้นสูงจากพื้นดิน 15-45 ซม.
ใบ : รูปหัวใจ บางชนิดมีขนเหมือนกำมะหยี่
ดอก : ดอกออกเป็นช่อแทงทะลุซอกใบ ช่อดอกตัวผู้แยกจากช่อดอกตัวเมีย แต่อยู่บนต้นเดียวกัน
ดอกตัวมีเมียมีรังไข่ที่โป่งออกเป็นปีกสามแฉกที่โคนดอก ดอกตัวเมียบานทนกว่าดอกตัวผู้ ปกติ บีโกเนีย
ดอกมีหลายสี เช่น ชมพู ส้ม ขาว ออกดอกตลอดปีขอแต่เพียงความชื้นและแสงพอเหมาะเท่านั้น

ขอจบเท่านี้ก่อนนะค่ะ..

ดอกไม้เมืองหนาวยังมีอีกมากมายที่มีสีสันสวยงาม สะดุดตาหลายๆคน และอาจทำให้ใครหลายคนหลงรักไปแล้ว

 ถ้าใครอยากไปเที่ยวชมก็เชิญเลยนะค่ะ บนเขาบนดอยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอยอ่างขาง ดอยอินทนนท์ ภูเรือ ภูกระดึง ฯลฯ

เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก

credit :: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ประเทศไทยยังมีสิ่งสวยงามอีกเยอะค่ะ ^^

ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=ns5JCVH41Uo&feature=player_embedded

แหล่งอ้างอิง
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=plely&month=30-09-2008&group=9&gblog=2
http://pornmaththachaowat.blogspot.com/2009/09/blog-post_14.html
http://www.212cafe.com/boardvip/viewcomment.php?aID=323725&user=fonja
http://www.tourdoi.com/flower/chd/parrot_flower/index.html
http://www.magnoliathailand.com/webboard/index.php?topic=1308.0
http://winfive-radom.com/knowledge-id18.html