อะพอลโล3

Homeประวัติผู้จัดทำเซอุสเฮร่าเอเรสเฮฟเฟตัสอโฟรไดท์เฮอร์เมสดิเมเทอร์โปโซดอนเอเธน่าอะพอลโลอาร์เทมิสดีโอนีซัส

 

อะพอลโล1 
อะพอลโล2 
อะพอลโล3 
อะพอลโล4 
อะพอลโล5 
อะพอลโล6 

 

 เรื่องของเฟอิทอน

นอกจากเอสคิวเลปิอัสแล้ว อพอลโลยังมีบุตรอีกคนหนึ่ง แต่เกิดกับนางอัปสร ไคลมินี (Clymene) ชื่อ เฟอิทอน (Phaeton) วันหนึ่งเฟอิทอนถูก เพื่อนเรียนหนังสือด้วยกันหัวเราะเยาะ ในการที่อ้างตนเป็นบุตรสุริยเทพ เฟอิทอนทั้งเคืองทั้งอับอายกลับมารบเร้าให้มารดาพาไปหาบิดา เพื่อให้ได้หลักฐานพิสูจน์ว่าตนเป็น บุตรเทพอพอลโลจริง นางไคลมินีจึงบอกทางให้บุตรเดินทางไปทางทิศตะวันออกจนกว่าจะถึงวังที่ประทับของอพอลโล ณ ที่นั้นจะได้พบกับบิดาสมประสงค์
เฟอิทอนรีบดั้นเดินทางโดยไม่หยุดพัก จนล่วงเข้าเขตวังของบิดา แม้ภูมิทำเลบริเวณวังจะงดงามตระการเพียงใด และตำหนักที่ประทับของอพอลโลก็เรืองวิจิตรน่า พรึงเพริดสักปานใด เฟอิทอนก็หาแยแสใส่ใจไม่ ฝ่ายอพอลโลเห็นกุมารเข้าไปใกล้ก็จำได้ว่าเป็นบุตร และเมื่อเฟอิทอนขึ้นถึงบัลลังก์ที่เธอประทับอยู่เธอก็ปฏิสันถารกับ เฟอิทอนอย่างบิดากับบุตร สั่งถามถึงธุระในการที่มาเฝ้า เฟอิทอนจึงทูลแถลงถึงเรื่องราวและความที่พึงประสงค์ พอจบเทพอพอลโลก็ออกอุทานวาจาว่า อนุญาตให้เฟอิทอนได้ ข้อพิสูจน์ตามแต่จะพึงประสงค์ พร้อมทั้งสาบานยืนยันมั่นคง โดยอ้างแม่น้ำสติกส์เป็นทิพยพยานอีกด้วย

การสาบานโดยการอ้างชื่อแม่น้ำสติกส์นี้ เป็นการสาบานอันเคร่งครัดที่สุด ซึ่งลงว่าเทพองค์ใดลั่นสาบานแล้ว เทพองค์นั้นจะล่วงละเมิดไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าเทพผู้ล่วงละเมิดไม่ปฏิบัติตามสาบาน จะต้องเสวยน้ำในแม่น้ำนี้ซึ่งจะทำให้ปัญญาเสื่อมเศร้าหมองเป็นเวลา 1 ปี กับจะต้องถูกขับออกจากเขาโอลิมปัสและงดเสวยน้ำอมฤตอีก 9 ปี

เฟอิทอนฟังคำสาบานดังนั้น จึงขออนุญาตขับรถพระอาทิตย์แทนบิดาในวันนั้น เพื่อว่าโลกทั้งมวลจะได้ตระหนักชัดว่า เธอเป็นบุตรสุริยเทพสมจริงตามที่กล่าวอ้าง ก็ แหละรถพระอาทิตย์นั้นไม่ใช่ของสำหรับใครจะขับได้ ด้วยว่าผู้ที่สามารถควบคุมม้าเทียมทั้ง 4 แสนจะพยศที่ลากรถนั้นจะมีก็แต่เทพอพอลโลองค์เดียว เมื่อเฟอิทอนขออนุญาต ขับรถแทนอพอลโลก็ถึงแก่สะดุ้งประหวั่นเกรงจะเกิดเหตุยุ่งยากและเดือดร้อนไปทั่วโลกพิภพและจักรวาล จึงบ่ายเบี่ยงบอกเฟอิทอนให้ขอพรอย่างอื่น ฝ่ายเฟอิทอนมีจิต กำเริบดื้อดึงขึ้นมาเสียแล้ว คงยืนกรานที่จะขอขับรถพระอาทิตย์แทนบิดาให้จงได้ ในที่สุดสุริยเทพซึ่งลั่นสาบานอันไม่พึงล่วงละเมิดออกไปเสียแล้วสุดที่จะบ่ายเบี่ยงต่อไปอีกได้ ก็จำต้องยอมอนุญาตให้เฟอิทอนขับรถพระอาทิตย์แทนได้ดังประสงค์

กำหนดเวลาออกรถดลมาถึงพร้อมแล้ว ม้าเทียมรถก็เตรียมเผ่นโผนโจนทะยานออกอยู่แล้ว นางประจำยามเข้าเคียงข้างรถอยู่พร้อมสรรพฝ่ายอุษาเทวีก็คอย อาณัติสัญญาณสั่งจากสุริยเทพ เตรียมไขทวารเบิกม่านฟ้าอยู่ทีเดียว

ฝ่ายเทพอพอลโลจัดแจงชโลมเฟอิทอนด้วยของเย็นกันถูกแสงอาทิตย์แผดเผา พลางสั่งเฟอิทอนให้ขับรถรักษาเส้นทางโคจรเดิมไว้ให้ดี อย่าให้รถออกนอกทางเป็น อันขาด เธอสั่งย้ำซ้ำซากให้บุตรกวดขันระมัดระวังม้าเทียมโดยเคร่งครัดอย่างที่สุด และให้ใช้แส้แต่โดยออมชอมเท่านั้นด้วยว่ามันเป็นม้าที่พยศมาก

หนุ่มน้อยฟังบิดาสั่งเสียอย่างระอิดระอา แล้วก็โดดขึ้นนั่งรถทองรวบสายบังเหียน ให้สัญญาณอุษาเทวีเปิดทวารและขับรถออกจากวังสุริยเทพด้วยความกระหยิ่ม ลำพองใจ ในชั่วโมงแรก ๆ เฟอิทอนสังวรในคำสั่งเสียของบิดา แต่แล้วความกำเริบเสิบสานเข้าครอบงำ ทำให้ลืมคำสั่งของบิดาเสีย เฟอิทอนขับรถเร็วขึ้นทุกทีจนรถออกนอก ทางโคจรไป ดวงจันทร์และดาราน้อยใหญ่พากันตื่นตระหนกที่ได้เห็นรถสุริยาทิตย์แล่นเตลิดไปกลางหาว แต่ก็ไม่มีปัญญาจะทำประการใดได้ และเฟอิทอนก็ขับรถใกล้โลก พิภพเข้ามาทุกที จนเป็นเหตุให้พืชพันธ์ทั้งปวงเหี่ยวแห้งตายหมด น้ำในแม่น้ำลำธารก็เหือดแห้ง แผ่นดินไหม้เกรียมจนเกิดควันโขมง ผู้คนของแผ่นดินนั้นถูกแสงอาทิตย์ แผดเผาจนตัวดำไปหมดสิ้น เป็นสีกายที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาแต่ครั้งนั้นจนถึงทุกวันนี้ และแผ่นดินที่ถูกรถสุริยาทิตย์เข้าใกล้ในครั้งนั้นก็คือ แอฟริกานั่นเอง

เฟอิทอนตื่นตกใจในเหตุอันตนทำให้เป็นไปจึงลงแส้ม้าชักรถให้ถอยห่างจากโลก ม้าก็เผ่นโผนโจนทะยานเหออกห่างโลกเสียลิบลับ ทำให้พืชพันธ์ธัญญาหารที่เหลือ รอดจากความร้อนอยู่บ้าง กลับเหี่ยวเฉาตายลงอีกเพราะความหนาวจัดฉับพลัน ทั้งแผ่นดินแผ่นน้ำตอนนั้นก็มีน้ำแข็งปกคลุมทั่วไปหมด เสียงผู้คนร้องระงมดังขึ้นทุกที จนใน ที่สุดก็ปลุกซูสเทพบดีให้ตื่นจากบรรทมเล็งทิพยเนตรสืบสวนหาสาเหตุ ครั้นได้ความว่าเหตุเกิดจากเฟอิทอนบังอาจขับรถสุริยาทิตย์เช่นนั้น ไท้เธอก็พิโรธนัก คว้าอสนีบาต ฟาดไปที่เฟอิทอน บันดาลให้เฟอิทอนสิ้นชีวิตตกจากรถสุริยาทิตย์ลงสู่แม่น้ำ อีริดานัส ในพริบตา

เฟอิทอนมีพี่สาวร่วมอุทร 3 คน เมื่อเฟอิทอนถึงแก่ความตาย นางทั้ง 3 ก็ไปร่ำไห้ที่ริมฝั่งแม่น้ำจนเทพทั้งปวงสงสารเลยแปลงนางเป็นต้นอำพันหลั่งน้ำตาเป็นอำพัน ตั้งแต่บัดนั้น ฝ่ายเพื่อนเล่นคู่หูคนหนึ่งของเฟอิทอนชื่อ ซิกนัส (Cygnus) ก็ลงงมหาศพ ดำผุดดำว่ายในแม่น้ำจนกลายเป็นต้นตะกูลหงส์เล่นน้ำสืบเชื้อสายพงศ์พันธุ์มา จนตราบเท่าทุกวันนี้

จัดทำโดย
น.ส.สุพัตรา เตชนะรุ่งโรจน์
น.ส. ธศุภร เศวตศรีถวัลย์
โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร
Copyright(c)2006 Ms.Supattra Teachenarungroj and  Ms.Thasuporn  Sawetsrithawan. All rights reserved.

จำนวนผู้เข้าใช้งาน
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2549

thaigoodview.com Version 13.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com