แนวทางการดำเนินงานของ
ในปีนี้ทางบริษัทฯ
มีการเตรียมการในส่วนของการขยายสาขาต่อเนื่อง โดยจะเปิดอีกประมาณ 30 สาขาใช้งบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท
รวมไปถึงงบการตลาดในการสร้างแบรนด์เคเอฟซีอีกประมาณ 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ทางเคเอฟซี ได้นำเสนออาหารที่ตรงใจกับผู้บริโภคให้มากที่สุด
โดยจะเพิ่มอาหารที่เป็นแนวสุขภาพ รวมไปถึงเจาะกลุ่มผู้สูงอายุให้มากขึ้น เพื่อที่จะขยายเข้าไปในกลุ่มที่เป็นระดับแมสมากขึ้น
พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าภายในร้านเคเอฟซีให้มีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมทำสินค้าประเภทของทานเล่นออกมากระตุ้นตลาด
หลังจากปีที่ผ่านมาได้ทำขนมรับประทานเล่น หรืออาหารว่าง ชีสหนึบ จนติดปากลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น
ทำให้บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบของสินค้าอยู่ รวมทั้งทางเคเอฟซีต้องการทำตลาดในส่วนของกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ในช่วงปีที่ผ่านมาสัดส่วนของกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น 10% จากเดิมที่เคเอฟซี จะมีกลุ่มอายุระหว่าง 20 “ 29 ปี
สัดส่วนการเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 20% อายุระหว่าง 30
“ 59 ปี สัดส่วนอยู่ที่ 25% และสัดส่วนของคนผู้บริโภคทั่วไปทั้งชายและหญิงรวมกันอยู่ที่
45%
นโยบาย
นโยบายการเปลี่ยนที่กำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ (Year of Execution) โดยทุกหน่วยงานจะต้องสามารถปฏิบัติงานได้จริงอย่างดีเยี่ยมตามที่วางแผนงานไว้
เพื่อให้เป็นไปตามแผนปี 2010 ที่จะมียอดขาย และ
ได้ส่งผลให้ยอดขายรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 นี้ได้ส่งผลให้ยอดขายรวมของค่ายยัมมีการเติบโต 16% โดยเฉพาะการเติบโตในส่วนของร้านเคเอฟซี
มียอดขายเติบโต 16%
การขยายสาขาต่อเนื่องไปต่างจังหวัดของเคเอฟซี
ปัจจุบันมีสาขาเคเอฟซีในต่างจังหวัดประมาณ 155 สาขา
ทั้งนี้สาขาในต่างจังหวัดจะเป็นโฮมเซอร์วิสทั้งหมด พร้อมกันนี้ศักยภาพของเคเอฟซีในต่างจังหวัด
มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากคนในต่างจังหวัด มีการรับประทานอาหารที่จะใกล้เคียงกับคนในแถบกรุงเทพฯ
เหมือนกัน ทั้งนี้การตีตลาดในแถบในต่างจังหวัด ยิ่งในแถบแหล่งท่องเที่ยวด้วยแล้ว แบรนด์เคเอฟซี
จะติดตาคนต่างชาติ และขายดีมากที่สุด ในแถบที่มีคนต่างชาติอาศัยอยู่ และปื 2551
เคเอฟซี จะเพิ่มสาขาในต่างจังหวัดให้มากขึ้น ทั้งนี้สาขาของเคเอฟซีในกรุงเทพฯ
ครอบคลุมเกือบหมดแล้ว แต่ต่างจังหวัดยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ทำให้เคเอฟซี พยายามที่เพิ่มสาขาในต่างจังหวัดให้มากที่สุด
การเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆของเคเอฟซี
ปี 2551
ความพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่เคเอฟซีจะต้องเป็นสินค้าสุขภาพมีการออกเมนูใหม่ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้ที่รักสุขภาพ
ทำให้ยอดขายที่เติบโตส่วนหนึ่งเพราะมีการออกสินค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการออกเมนู เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพคือ
เมนู "วิงอบฮิตส์" และเอเชียน ดีไลต์ สลัด อีกทั้งการขยายแนวทางการทำตลาดในยุคเศรษฐกิจฝืด
ด้วยกลยุทธ์เมนูอาหารที่เน้นคุณภาพ คุ้มค่าราคาอย่างต่อเนื่องในทุกเดือนในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเปิดเทอม
เปิดตัว'ข้าวผัดไก่ทอด' หรือการส่งเมนูใหม่อีกหนึ่งรายการ
"ไอศกรีม กรอบสนั่น ซันเด"
สแน็กที่เป็นเมนูชั่วคราวในเดือนพฤษภาคมจากเคเอฟซีอย่างไรก็ตามเมนูข้าวผัดไก่ทอด
ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เพราะจุดเด่นชูความอิ่มอร่อยแบบคุ้มค่า
เอาใจผู้บริโภคจับกลุ่มครอบครัวในยุคประหยัดโดยเฉพาะจะเปลี่ยนมาบรรจุเป็นเมนูถาวรด้วยเช่นกัน
การเพิ่มความหลากหลายบริการดิลิเวอรี่
ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมารายได้จากธุรกิจดีลิเวอรีหรือจัดส่งถึงบ้านของเคเอฟซีเติบโตขึ้น 27% ขณะที่ยอดขายสาขาในต่างจังหวัดโดยเฉพาะร้านเคเอฟซีสาขาอุดรธานี
ขอนแก่น มียอดขายจากเดลิเวอรี่สูงขึ้นถึง 50% ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลแข่งขันฟุตบอลยูโร
2008 จะมีการเกาะกระแสนี้ทำตลาดโดยขยายเวลาการให้บริการดีลิเวอรี
เพื่อรองรับการชมการ ในช่วงกลางคืนจากเดิมที่เปิดบริการให้ถึงเวลา 24.00 น. เพิ่มการให้บริการถึง 02.00 น. อีกด้วย
กลุ่มลูกค้า
เคเอฟซี
มองโอกาสจากการเติบโตมาจากลูกค้าเก่าๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว
แต่หัวใจหลักอีกด้านคือ ความสำคัญกับการสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่
ทั้งการในแง่ของสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์เป็นหลัก ผ่านสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์
ควบคู่กับการส่งเมนูใหม่ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาสัดส่วนของกลุ่มวัยรุ่น คนทำงานเพิ่มขึ้นเป็น
60% และกลุ่มครอบตัว 40% จากเดิมที่เคเอฟซี
จะมีลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น คนทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 40% และกลุ่มครอบตัว
60% "