ลักษณะกิจการ
ร้านขายขนม
ชื่อธุรกิจ (ไทย)
อากิโกะ
ชื่อธุรกิจ (อังกฤษ)
AKI-KO
ความเป็นมา
บริษัท ไซแมค รีเทล จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2542 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์แปรรูปด้านขนมขบเคี้ยว
โดยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า “aki-ko” ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดดำเนินการ
23 สาขา ทั่วประเทศ เฉพาะในกรุงเทพฯ มี 16 สาขา ในแต่ละเดือน “aki-ko” จำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อให้กลุ่มลูกค้าผู้ชื่นชอบขนมขบเคี้ยวมากกว่า
1 ล้านชิ้น ได้ลิ้มรสขนมคุณภาพ ที่ได้รับการคัดสรร
และบรรจุที่แปลกใหม่ กว่า 400 ชนิดจากทุกมุมโลก
และปัจจุบัน “aki-ko” ขยายธุรกิจในรูปแบบระบบแฟรนไชส์ เพื่อตอบสนองลูกค้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
อากิโกะเกิดมาจากบริษัท ไซแมค รีเทล จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี
พ.ศ.2542 เป็นธุรกิจผลิตภัณฑ์แปรรูปด้านขนมขบเคี้ยว โดยมีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นในตอนนั้น
22 สาขา ทั่วประเทศ เฉพาะในกรุงเทพฯ มีถึง 16 สาขา โดยในแต่ละเดือน "aki-ko" จะจัดหาสินค้าแปลกใหม่
กว่า 400 ชนิดจาก ทุกมุมโลกมาจำหน่าย
รวมทั้งสินค้าจากเมืองไทยด้วย
ปัจจุบันอากิโกะผันตัวเองไปสู่การเป็นซับพลายเออร์ส่งสินค้าให้กับสาขา
โดยขายสิทธิร้านทั้งหมด ให้กับผู้สนใจซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพนักงาน ที่เคยทำงานในร้านหันมาลงทุนเป็นเจ้าของร้านด้วยตัวเอง
ส่วนสาขาแฟรนไชส์ เมื่อหมดสัญญาทางบริษัทไม่มีแผนขยายการลงทุน และทยอยปิดตัวลง ปัจจุบันไม่มีแฟรนไชส์อากิโกะอีกต่อไป
คงเหลือสาขาปัจจุบันรวมสิบสาขา
ลักษณะสินค้า
และบริการ
aki-ko คืออะไร
คือร้านขนมภายใต้คอนเซ็ปต์ สนุกครบทุกความอร่อย โดยมีการจัดรูปแบบร้านในสไตล์
Modern Japanese.
aki-ko คือร้านขนมที่มีรูปแบบการขายที่ไม่เหมือนใคร เรียกว่าสามารถหยิบสินค้ามาผสมกันได้
เรามีสินค้ามากกว่า 400 ชนิดใน 1 ร้าน
สินค้าหมุนเวียนมากกว่า 1,000 ชนิดต่อปี จากทั่วโลก
สินค้าขายโดยการชั่งน้ำหนัก
ร้าน aki-ko จับกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อและบริโภคสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวสูงสุด
นั่นคือกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา โดยให้น้ำหนักไปที่กลุ่มเป้าหมายเพศหญิง ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองคือ
กลุ่มคนทั่วไปที่ชอบทานขนมขบเคี้ยว จึงนับได้ว่า กลุ่มเป้าหมายของสินค้า aki-ko
กว้างขวางและมีจำนวนมาก
สินค้ากว่า 400 รายการ
ที่จัดจำหน่ายภายในร้าน aki-ko สามารถแบ่งออกเป็น 9
หมวดหมู่ความอร่อย ได้ดังนี้
Fruits คัดสรรผลไม้เขตร้อนรสเลิศนานาชนิด ทั้งภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ
เข้ากระบวนการผลิต จนได้ผลไม้แปรรูปคุณภาพเยี่ยม รสชาดอร่อยชนิดต่างๆ
Jelly / Gummy สินค้ายอดนิยมและขายดีที่สุดของ aki-ko
ด้วยรสชาดที่ถูกปาก และความหลายหลายกว่า 100 ชนิด ทั้งนำเข้าจากต่างประเทศ และผลิตในประเทศไทย ให้เลือกหยิบอย่างจุใจ
Nuts อีกหนึ่งประเภท ที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินได้มาก aki-ko
สรรหาถั่วชนิดต่างๆ ทั้งถั่วอบกรอบ ถั่วทอดกรอบ ถั่วปรุงรสต่างๆ และอีกหลากหลายประเภท
ประเทศ
Thailand 
ค่าแฟรนไชส์
220,000 บาท
จำนวนสาขา
23 สาขา
รายละเอียดสาขา
เป็นสาขาที่เปิดเอง 9 สาขา
ส่วนอีก 14 สาขาเป็นของแฟรนไชส์ซี่
นโยบาย
การขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์
การลงทุน
--ค่าธรรมเนียมเฟรนไชน์
หรือค่าธรรมเนียมการให้ใช้ชื่อ โดยผู้รับสิทธิ์จะต้องชำระค่าธรรมเนียม
ให้ครบในวันเซ็นสัญญาและคู่สัญญาจะต้องเซ็นสัญญาให้ใช้เครื่องหมายให้เรียบร้อยภายใน
30 วัน
--ค่าประกันความเสียหาย/หนี้สิน ผู้รับสิทธิ์จะต้องชำระเงินสด และเมื่อครบ
1 ปีบริษัทฯจะจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้รับสิทธิ์ด้วยอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารและ
จะคืนให้เมื่อสิ้นสุดอายุสัญญา
--การตกแต่งสถานที่ งานระบบต่าง ๆ ภายในร้าน บริษัทฯ
จะเป็นผู้กำหนดปริมาณและประเภทของภาชนะบรรจุ เครื่องแต่งกาย และวัสดุอุปกรณ์อื่น
ๆ ที่มีเครื่องหมายการค้า บริษัทฯ จะเป็นผู้จัดหาให้ โดยผู้รับสิทธิ์จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
--เครื่องบันทึกเงิน (ระบบ SOFT WARE คอมพิวเตอร์
POWER SOFT) ผู้รับสิทธิ์จะต้องจัดหาคอมพิวเตอร์และซื้อลิขสิทธิ์
SOFT WARE ตามคุณลักษณะที่บริษัทกำหนด
--ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและค่าธรรมเนียมการขออนุญาตจากทางราชการ
ผู้รับสิทะจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม
--การขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า ระยะเวลาและกำหนดการเปิดร้านที่เหมาะสมประมาณ
60 วัน หลังเซ็นสัญญา
ตารางการลงทุน (INVESTMENT DATA)ประมาณการลงทุนทั้งสิ้น
(Estimated Investment)
**ขนาดร้าน
20-30 ตารางเมตร 35-45 ตารางเมตร
**ประมาณการลงทุน 800,000 บาท 1,000,000
บาท
**ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchisee Fee) 170,000 บาท* 220,000 บาท*
**ค่าตกแต่ง (Store Decoration) 200,000 บาท*
200,000 บาท*
**ค่าระบบคอมพิวเตอร์ (Store Equipment) 100,000 บาท* 100,000 บาท*
**ค่าสินค้า (Inventory) 150,000 บาท* 150,000
บาท*
**ค่า Loyalty Fee 5% จากยอดขาย 5% จากยอดขาย
**ระยะสัญญา (Franchising Period) 1 ปี (year)
3 ปี (year)
ระยะเวลาคืนทุน
-
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน
เป็นนิติบุคคลที่จะจดทะเบียนในประเทศไทย หรือบุคคลธรรมดาที่พำนักในประเทศไทย
เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์การเช่าหรือมีกรรมสิทธิ์ในการเช่าพื้นที่
ที่จะเปิดร้าน aki-ko snack shop
จะต้องมีบุคคลสำหรับบริหารร้านที่มีความรู้ความสามารถ เข้ารับการฝึกอบรมในระบบการบริการงานทั้งภาคทฤษฎี
และปฏิบัติ ตามหลักสูตรที่บริษัทฯ กำหนด
สิ่งที่แฟรนไชส์ซี่
จะได้รับ
มีการจัดสัมมนาให้ความรู้ พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับการบริหารและรายละเอียดการจัดการทั้งหมด
มีทีมการจัดซื้อเพื่อคัดสรรคุณภาพของสินค้า
ทางด้านการตลาดจะมุ่งเน้นการตลาดเชิงรุกมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและ
สร้างข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในสื่อแขนงต่าง ๆ
ให้ความช่วยเหลือในการฝึกอบรมบุคลากรให้ได้มาตราฐาน
ในการบริการภายใต้ Concept “Service Mind”
ในการออกแบบตกแต่งร้าน จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ทางบริษัทฯ
ได้กำหนดไว้
ด้วยรูปลักษณ์ความแปลกใหม่ บวกกับจุดแข็งของ aki-ko ทำให้ร้าน aki-ko ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างรวดเร็ว
ด้วยผลสำเร็จดังกล่าวก่อให้เกิดความต้องการของผู้บริโภคจำนวนมาก และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีส่วนร่วมกับความสำเร็จนี้
aki-ko จึงได้มีการเปิดเฟรนไชน์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีอย่างมากมาย
และเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงอีกทั้งยังจะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนอย่างคุ้มค่า
รายละเอียดเป้าหมายการขยายกิจการ aki-ko ดำเนินธุรกิจทางด้านการจัดจำหน่าย
และให้บริการผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว โดยบริษัทเปิดโอกาสให้ผู้สนใจประกอบธุรกิจด้านขนมขบเคี้ยวรูปแบบใหม่ร่วมลงทุนในธุรกิจ
aki-ko snack chain store โดยการซื้อเฟรนไชน์ไปเปิดดำเนินการภายใต้การควบคุมดูแล
สนับสนุนและช่วยเหลือ จากบริษัทฯ การลงทุนสามารถแบ่งออกได้ 2 รูปแบบการลงทุน โดยขึ้นกับขนาดพื้นที่ร้านในการลงทุน
อื่นๆ
บริษัท ไซแมค รีเทล จำกัด เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท FRUITNET จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิต
และผู้ส่งออกขนมขบเคี้ยว มากกว่า 30 ประเทศในทวีปยุโรป
อเมริกา และเอเซีย
ONE-STOP-SHOP aki-ko ร้านเดียวรวบรวมขนมขบเคี้ยว จากทั่วทุกมุมโลก
กว่า 400 ชนิด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกเพศ ทุกวัย
สินค้าทุกประเภท ภายใต้การจัดจำหน่ายของ aki-ko ไม่ว่าจะเป็นสินค้านำเข้า หรือผลิตภายในประเทศ คือสินค้าคุณภาพ มาตรฐานการผลิตสูงเทียบเท่าสินค้าเพื่อการส่งออก
"PICK & MIX" แนวความคิดที่ให้อิสระในการเลือกหยิบ
และผสมสินค้าได้ตามใจชอบ
ไม่เพียงผู้บริโภคจะรู้สึกสนุกสนานแล้วยังสามารถสร้างการบริโภคให้เกิดขึ้นกับสินค้าทุกประเภทภายในร้านได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย
เพราะผู้บริโภคสามารถเลือกหยิบได้หลากหลายประเภทในปริมาณที่ต้องการ