HOME || BACK || NEXT
 

 

       

   สิ่งมหัศจรรย์ยุคต้น(สมัยโบราณ)อายุตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 500  

     
มหาวิหารอาร์เทมีส : The Temple of Artemis (Diana)
สถานที่ตั้ง เมืองเอเฟซุส ประเทศตุรกี
ปัจจุบัน ยังมีซากหลงเหลืออยู่บ้าง

ที่มา : http://www.siwadol.com/image/The%20Temple%20of%20Artemis%20(Diana).jpg

        เป็นมหาวิหารสร้างด้วยหินอ่อน เลียบแบบศิลปะแบบกรีก เพื่อถวายเทพเจ้าอาร์เทมีส หรือเทพเจ้าอารเตมิซ (เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ของกรีก) ผู้มาจากสวรรค์ ผู้ช่วยชาวเมืองให้พ้นจากหายนะและภัยพิบัติได้ อยู่ในเมืองอีเฟซุสบนชายฝั่งแห่งหนึ่งปัจจุบันนี้ คือประเทศตุรกี ในรัชสมัยของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์แห่งกรีก จัดเป็นวัดที่สวยงามแห่งหนึ่งจนกลายเป็นที่รู้จักว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคเก่า

        วิหารนี้มีเนื้อที่ถึง 54,720 ตารางฟุต ตัวอาคารมีความกว้างถึง 400 ฟุต บริเวณโดยรอบวัดแห่งนี้กิน เนื้อที่เกือบ 2 เอเคอร์ และมีเสาหินตั้งตระหง่านรอบตัวอาคารมากกว่า 100 เสาหิน แต่ละเสาหินมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 ฟุต ความสูง 60 ฟุต หลังคาปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าชื่อว่า อาร์ทิมีส หรืออีกชื่อหนึ่ง ว่าไดอาน่า ประชาชนจะนำสิ่งของมาสักการบูชา ส่วนมากเป็นสิ่งของมีค่ามากมายเคยถูกไฟไหม้เสียหายครึ่งหนึ่งแต่ได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์   วิหารแห่งนี้ได้ถูกทำลายสิ้นก่อนปีค.ศ. 262 จึงเหลือแต่ซากปรักหักพังเก็บไว้ชมอยู่ในกรุงอิสตันบลู ประเทศตุรกี
       
        มหาวิหารที่อุทิศแด่เทพอารเตมิซปัจจุบันแทบไม่เหลืออะไรมีนักโบราณคดีพยายามจินตนาการวิหารทั้งหลังมีหลายแบบด้วยกันแต่ดูเหมือนว่าจะมีข้อผิดพลาดกันอยู่อย่างไรก็ดีภาพที่นำมาให้ดูนี้ก็ยังพอช่วยจินตนาการของเราได้ดีกว่ากองหินบนพื้นที่โล่งๆ
ดินแดนแถบนี้หลังจากที่พวกกรีกหมดอำนาจลง, ยังมีพวกเปอเชียกับพวกมาเซโดเนีย (ยุคของอเล็กซานดรา) แล้วก็พวกโรมันเข้ามาครอบครอง.แต่ละชนชาติดังกล่าวให้ความเคารพและเพิ่มพูนสิ่งประดับประดาแก่วิหารของเทพอารเตมิซเรื่อยมา(มีโบราณวัตถุที่ขุดพบได้จากที่นี่ที่เป็นของยุคต่างๆในพิพิธภัณฑ์ของเมืองเอเฟซุส) เมื่อคริสต์ศาสนาเข้ามีอิทธิพลเหนือระบบเทพเจ้าหลายองค์ (polytheism) วิหารนี้ถูกทำลายเสาหินและหินก้อนใหญ่ๆสวยๆถูกนำไปสร้างวิหาร เซนต์โซเฟียที่เมือง คอนสแตนติโนเปิลกับวัดของเซนต์จอห์นที่เมืองเซลสุคใกล้ๆเมืองเอเฟซุส

ที่มา : http://pirun.ku.ac.th/~b5043137/pics/Artemis/artemis02.jpg


        เหรียญทั้งสามข้างล่างนี้ทำขึ้นในสมัยโรมัน  มีรูปปั้นของอารเตมิซกับวิหาร.เหรียญบนเป็นทองสำริดสมัยจักรพรรดิ Maximus (เป็นเหรียญที่ใช้ในระหว่างAD.235-238) แถวล่างเหรียญซ้ายจากสมัยของ Claudius(AD.41-45)เหรียญขวาจากสมัยของHadrian(AD.117-138) เทพอารเตมิซเด่นบนเหรียญทั้งสอง. เหรียญเหล่านี้ได้ช่วยให้นักโบราณคดีจินตนาการแล้ววาดภาพของวิหารออกมา ส่วนรูปปั้นของอารเตมิซนั้นโชคดีมากที่ยังคงเหลือเกือบสมบูรณ์ให้เราดูได้ในพิพิธภัณฑ์โบราณคดีเมืองเอเฟซุส

ที่มา : http://wonder7.4t.com/project/artemis.html

        เมืองเอเฟซุสในตุรกีเป็นที่รวมซากโบราณสถานและโบราณวัตถุมากกว่าที่ใดๆในประเทศ ในสมัยกรีกโบราณที่เมืองนี้มีประเพณีบูชาเทพสตรีอารเตมิซ(Artemis) เป็นเทพอุปถัมภ์ของเมือง.มีวิหารขนาดมหึมาสร้างอุทิศให้และถือกันว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ ต่อมาเมื่อชาวโรมันเข้ามาครองเมืองนี้และดินแดนแถบชายฝั่งทะเลเอเจียนนี้ตั้งแต่ต้นคริสต์ศักราชที่ 1 เป็นต้นมา ประมาณกันว่าเมืองนี้มีผู้คนอยู่มากถึงสองแสนคน นี่หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองนี้ด้วยซึ่งถ้าดูตามผังเมืองเก่าแล้วก็ดูมีมูลสนับสนุนเต็มที่                                                                                    

        เมืองเอเฟซุสยังเกี่ยวข้องกับคริสต์ศาสนายุคก่อร่างสร้างตัวด้วย.อัครทูตปอลเคยมาเทศนาสั่งสอนที่เมืองนี้.อัครทูตจอห์นกับพระแม่มารีก็เคยมาพักอยู่ในเมืองนี้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง.เมื่อคริสต์ศาสนาเริ่มมีอิทธิพลเหนือความเชื่อระบบเทพเจ้าของกรีก เมืองเอเฟซุสจะเป็นศูนย์กลางศาสนาของจังหวัดต่างๆในแถบชายฝั่งทะเลเอเจียนนี้ และมีการทำลายวิหารของเทพอารเตมิซแล้วนำเสาหินหรือหินก้อนใหญ่ๆทั้งหลายไปสร้างมหาวิหารเซนต์โซเฟียที่เมืองคอนสแตนติโนเปิลกับวิหารเซนต์จอห์นที่เมืองSeluk (ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเอเฟซุส)

ที่มา  : http://1.bp.blogspot.com/_3sAkqkwY0kM/R2YbQR5ng_I/AAAAAAAAAC8/u5_n-v2ZT08/S220/artemis07.jpg


        ปัจจุบันนี้คือประเทศตุรกีในรัชสมัยของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์  จัดเป็นวัดที่สวยงาม แห่งหนึ่งจนกลายเป็นที่รู้จักว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคเก่า วิหารนี้มีเนื้อที่ถึง 54,720 ตารางฟุต ตัวอาคารมีความกว้างถึง 400 ฟุต บริเวณโดยรอบวัดแห่งนี้กิน เนื้อที่เกือบ 2 เอเคอร์ และมีเสาหินตั้งตระหง่านรอบตัวอาคารมากกว่า 100 เสาหิน แต่ละเสาหินมีเส้น ผ่านศุนย์กลาง 6 ฟุต ความสูง 60 ฟุต หลังคาปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐาน เทพเจ้าชื่อว่า อาร์ทิมีส หรืออีกชื่อหนึ่ง ว่าไดอาน่า ประชาชนจะนำสิ่งของมาสักการะบูชา ส่วนมาก เป็นสิ่งของมีค่ามากมายเคยถูกไฟไหม้เสียหายครึ่งหนึ่งแต่ได้รับการซ่อมแซม ใหม่โดยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ วิหารแห่งนี้ได้ ถูก ทำลายสิ้นก่อนปี ค.ศ. 262 จึงเหลือแต่ซากปรักหักพังเก็บไว้ชมอยู่ในกรุงอิสตันบลู ประเทศตุรกี