ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิต เพราะสามารถเกิด เจริญเติบโต และล้มตายได้ ต้นไม้ในธรรมชาติ จึงมีลูกหลานรุ่นใหม่สร้างขึ้นทดแทนอยู่เสมอ เมื่อต้นไม้หลานแสนล้านต้นมาอยู่รวมกัน จึงเรียกว่า “ป่า” สถานที่ซึ่งเป็นสังคมพันธุ์พืชอันสลับซับซ้อน
ในแต่ละปี ป่ามีการสูญเสียและเกิดใหม่ทดแทนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในป่าฝนเขตร้อน ซึ่งได้รัยแสงแดดอย่างเต็มเปี่ยม ถึงแม้ว่าป่าเขตหนาวจะใช้เวลาพักตัวยาวนาแต่ก็จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ดูทั้งหมดแล้ว น่าจะเป็นโลกธรรมชาติอันแสนสุข แต่เมื่อเรานำปัจจัยที่เรียกว่า “มนุษย์” เข้ามาเกี่ยวข้องในสมการแห่งระบบนิเวศแล้วผลจะออกมาแบบไหน ?
ปัจจุบันโลกมีประชากรมากถึง 6,000 ล้านคน การหล่อเลี้ยงคนจำนวนมากมายขนาดนี้ต้องใช้ทรัพยากรปริมาณมหาศาล ซึ่งต้องตกเป็นภาระหนักและกดดันให้กับธรรมชาติอันเปราะบางอย่างป่าไม้
การปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษมที่ 19 ส่งผลให้เทคโนโลยีของโลกรุดหน้าแบบก้าวกระโดด
เราเปลี่ยนจากการใช้เรือเดินสมุทรข้ามทวีป |
มาใช้เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ |
เปลี่ยนจากการใช้เทียนไขและตะเกียงน้ำมัน |
มาใช้หลอดไฟฟ้า |
เปลี่ยนจากการกดเครื่องคิดเลข |
มาใช้คอมพิวเตอร์ |
เปลี่ยนจากการปั่นจักรยาน |
มาใช้รถยนตร์ที่ต้องเติมน้ำมัน |
ฯลฯ
ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น ขณะที่ทรัพยากรถูกสูบมาใช้เพิ่มขึ้นและป่าไม้
คือเหยื่อในการปฏิวัติอุตสาหกรรมยั้ยด้วย
|
|